“จาย” สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักปั่นไทยคนแรกที่ได้รางวัลศึกสองล้อระดับโลก เพิ่มโอกาสในการคว้าตั๋วไป อลป.ที่ฝรั่งเศส

“จาย” สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักปั่นไทยคนแรกที่ได้รางวัลศึกสองล้อระดับโลก เพิ่มโอกาสในการคว้าตั๋วไป อลป.ที่ฝรั่งเศส

https://youtu.be/LLvPytaUooc

“จาย อังค์สุธาสาวิทย์” นักปั่นน่องเหล็กทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์คว้าอันดับ 2 ในการแข่งขันจักรยานประเภทลู่ รายการ “ทิสซอต ยูซีไอ แทร็ก เนชั่นส์คัพ 2022” สนามที่ 3 ที่ประเทศโคลอมเบีย นับเป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นโพเดียมในรายการระดับโลก ได้คะแนนสะสม 720 คะแนน ด้าน “เสธ.หมึก” ยกย่อง “จาย” ไม่ย่อท้อในการฝึกซ้อมและมุ่งมั่นกับการแข่งขันอย่างเต็มที่ แม้ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งตลอดเวลา พร้อมมั่นใจว่า “จาย” มีโอกาสลุ้นโควต้าไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ประสานกับศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการส่ง “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นทีมชาติไทยที่เก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก ไปแข่งขันจักรยานประเภทลู่รายการ “ทิสซอต ยูซีไอ แทร็ก เนชั่นส์คัพ 2022” สนามที่ 3 ที่เมืองคาลี ประเทศโคลอมเบีย ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม จาย อังค์สุธาสาวิทย์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักปั่นสายเลือดไทยรายแรกที่ขึ้นโพเดียมในรายการระดับโลก

สำหรับการแข่งขันรายการนี้ จายลงแข่งขันรอบแรก ฮีตที่ 5 จากทั้งหมด 6 ฮีต ผลปรากฏว่าเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 โดยมี พอล นิโคลัส จากประเทศตรินิแดดและโตเบโก เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ทำให้จายต้องไปแข่งขันในรอบแก้ตัว เนื่องจากจะคัดเพียงคนเดียวจากแต่ละฮีตเข้ารอบรองชนะเลิศ ซึ่งในการแข่งขันรอบแก้ตัว จายลงชิงชัยในฮีตที่ 5 จากทั้งหมด 6 ฮีตเช่นเดียวกัน ผลปรากฏว่าเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งจายก็ไม่ได้ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง ผ่านเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 ในฮีตที่ 1 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสำเร็จ

ในรอบชิงชนะเลิศ ทีเจซึ่งออกสตาร์ทเป็นคนที่สอง ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือเมื่อ พอล นิโคลัส นักปั่นจากตรินิแดดและโตเบโก เพื่อนร่วมซ้อมของ จาย ในศูนย์ฝึกจักรยานโลก เร่งความเร็วทำเกมทันทีหลังจากที่รถนำออกจากลู่ จาย เกาะล้อติดไปตลอดจนกระทั่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 หลังจากครบ 6 รอบด้วยความเร็วสูงกว่า 75 กม. ต่อชั่วโมง ส่วนแชมป์ตกเป็นของ พอล นิโคลัส และอันดับ 3 แซม ดากิน จากนิวซีแลนด์ สร้างประวัติศาสตร์อีกหน้าของจักรยานลู่ไทย ด้วยการเป็นนักกีฬาไทยรายแรกที่ขึ้นสู่โพเดียมในรายการระดับโลก “ยูซีไอ แทร็ก เนชั่นส์คัพ” เก็บคะแนนสะสม 720 คะแนน เพิ่มโอกาสลุ้นโควต้าไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีกหนึ่งก้าว

ภายหลังจบการแข่งขัน จาย กล่าวว่าเกมในแต่ละรอบกว่าจะผ่านได้ยากมาก เนื่องจากนักปั่นแต่ละคนมีพัฒนาการด้านความเร็วและความแข็งแกร่งขึ้นมาก ในแต่ละฮีตไม่สามารถผ่อนแรงลดความเร็ว และในบางฮีตความเร็วเข้าเส้นชัยสูง 80 กม. ต่อชั่วโมง และในรอบปี 2022 ที่เหลืออยู่ จะต้องเร่งเก็บคะแนนในรายการแข่งขันนานาชาติ ซึ่งคาดว่าน่าจะเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น และรายการ แทร็ก เอเชีย คัพ 2022 ที่ประเทศไทย รวมถึงบางรายการในยุโรปเพื่อรักษาโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันรายการจักรยานประเภทลู่ ชิงแชมป์โลก 2022 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนตุลาคม อีกทั้งยังจะต้องรักษาความฟิตสำหรับฤดูกาล 2023 ที่เป็นช่วงสำคัญสำหรับการลุ้นโควตา “ปารีสเกมส์” ไปจนถึงเดือนเมษายน 2024

ด้าน “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ผลงานของ จาย ซึ่งได้รองแชมป์เนชั่นส์ คัพสนามที่ 3 ที่คาลี ประเทศโคลอมเบีย เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของวงการจักรยานไทยในระดับโลก ซึ่งต้องยกย่อง จาย ที่ไม่ย่อท้อในการฝึกซ้อมและมุ่งมั่นกับแข่งขันอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งขันฝีเท้าระดับโลกตลอดเวลา จากความสำเร็จในครั้งนี้เชื่อมั่นว่า จายมีโอกาสจะเป็นนักปั่นเลือดไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ควอลิฟายโอลิมปิกเกมส์ประเภทลู่เป็นคนแรกในโอลิมปิกเกมส์ 2024

“อย่างไรก็ตาม การควอลิฟายโอลิมปิกเกมส์ของกีฬาจักรยานนั้นต้องอาศัยคะแนนสะสมโลก ซึ่งนอกเหนือจากการลงทุนส่งนักปั่นทีมชาติไทยออกไปตระเวนแข่งขันในรายการนานาชาติประเภทต่าง ๆ ที่ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากในแต่ละปีแล้ว สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ฯ ก็ยังจะจัดการแข่งขันระดับนานาชาติไม่ว่าจะเป็นประเภทถนน ประเภทลู่ ประเภทเสือภูเขา และประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ เพื่อเพิ่มโอกาสของนักกีฬาทีมชาติไทยที่จะเก็บคะแนนสะสมในประเภทต่าง ๆ ลุ้นไปเป็นหนึ่งในนักกีฬาจักรยานโอลิมปิกเกมส์ 2024 ต่อไป” พลเอกเดชา กล่าว

พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า จากการประสานไปยังสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ขณะนี้แน่นอนแล้วว่า ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “แทร็ก เอเชีย คัพ 2022” ระหว่างวันที่ 26-30 สิงหาคม ที่เวลโลโดรม สนามกีฬาแห่งที่ 2 โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี และต่อเนื่องไปถึงการแข่งขันในปี 2023 ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนประเภทถนน นอกเหนือจากการจัดการแข่งขันจักรยานทางไกล “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน 2566 แล้ว ไทยยังจะเป็นเจ้าภาพจักรยานประเภทถนน ชิงแชมป์เอเชีย 2023 หนึ่งในรายการสำคัญสำหรับคัดเลือกโอลิมปิกเอกมส์ 2024 ของจักรยานเอเชีย ซึ่งกำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 14-20 มิถุนายน 2566 ที่จังหวัดระยอง

“ส่วนประเภทเสือภูเขา สมาคมกีฬาจักรยานฯ ก็ได้ยื่นขอจัดการแข่งขันในระดับ C1 รายการครอสคันทรี่ จำนวน 2 สนาม ควบคู่ไปกับการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2566 สนามที่ 2 ที่จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 2-5 มีนาคม 2566 และสนามที่ 5 ที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25-28 พฤษภาคม 2566 ขณะที่ประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ก็จะเสนอจัดการแข่งขันในระดับ C1 จำนวน 3 สนาม ควบคู่ไปกับการแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2566 ที่สนามบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิง ในสนามกมลสปอร์ต ปาร์ค ของบริษัท เอฟบีที ริมถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก กทม. ทั้ง 3 สนาม ประกอบด้วย สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 27-29 มกราคม 2566, สนามที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม 2566 และ สนามที่ 5 ระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2566” พลเอกเดชา กล่าวปิดท้าย

Related posts